เมนู

8,000 นัยในก่อน รวมกับ 2,000 นัยหลังนี้ด้วยประการฉะนี้. ก็กุศลทั้งหลาย
เหล่านั้นแล เป็นโลกุตตระที่เกิดขึ้นแล้ว. แต่การนับนัยในวิปากะ พึงทำนัย
ทั้งหลายแห่งกุศล แล้วคูณด้วย 3 แล.
วรรณนาอภิธรรมภาชนีย์ จบ

วรรณนาปัญหาปุจฉกะ


ในปัญหาปุจฉกะ บัณฑิตพึงทราบ ความที่มัคคังคะ เป็นกุศล
เป็นต้น โดยทำนองพระบาลีนั้นแหละ. แต่ในอารัมมณติกะ มรรคเหล่านี้ทั้ง
หมด เป็นอัปปมาณารัมมณะอย่างเดียว ไม่เป็นมัคคารัมมณะ เพราะปรารภ
พระนิพพานอันเป็นอัปปมาณธรรมเป็นไป. เพราะมรรค ย่อมไม่ทำผลให้
เป็นอารมณ์แต่ว่าด้วยสามารถแห่งสหชาตเหตุในที่นี้ กุสลทั้งหลาย เป็นมัคค-
เหตุกะ. ในกาลเจริญมรรค ชื่อว่า เป็นมัคคาธิปติ เพราะทำวิริยะ หรือ
วิมังสาให้เป็นประธาน. แม้ในกาลแห่งผลจิต ก็ไม่พึงกล่าวนั่นแหละ. ถึงว่า
ด้วยความเป็นเอการัมมณะในอตีตะเป็นต้น ก็ไม่พึงกล่าว. แต่ย่อมชื่อว่า เป็น
พหิทธารัมมณะได้ เพราะความที่พระนิพพานเป็นพหิทธาธรรม ดังนี้. แม้
ในปัญหาปุจฉกะนี้ ท่านก็กล่าวว่า เป็นมัคคังคะ เป็นโลกุตตระ ที่เกิดขึ้น
แล้วเหมือนกัน. สำหรับมัคคังคะซึ่งเป็นโลกิยะและโลกุตตระ พระสัมมา-
สัมพุทธะ ตรัสไว้ในสุตตันตภาชนีย์เท่านั้น ส่วนในอภิธรรมภาชนีย์ และ
ปัญหาปุจฉกะ ตรัสว่า เป็นโลกุตตระอย่างเดียว. แม้มัคควิภังค์นี้ พระองค์
ก็ทรงนำออกจำแนกแสดงแล้ว 3 ปริวัฎ ฉะนี้แล.
วรรณนาปัญหาปุจฉกะ จบ
อรรถกถามัคควิภังค์ จบ